ทำงานกับรถยกอย่างไร เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสุงสุด
รถยก หมายความว่า รถที่ติดตั้งอุปกรณ์ใช้สำหรับยกหรือเคลื่อนย้ายสิ่งของ เช่น ฟอร์คลิฟต์ (forklift) หรือรถที่ทำงานในลักษณะเดียวกัน ซึ่งมาจากคำภาษาอังกฤษว่า forklift ซึ่งเป็นการผสมคำ 2 คำ คือ “fork” ที่แปลว่า “ง่าม” และ “Lift” ที่แปลว่า “การยก”
ประเภทของรถยก
รถยกสามารถแบ่งออกตามประเภทของกำลังขับเคลื่อนได้ 2 ประเภทคือ
- Engine Forklift รถยกที่ใช้เครื่องยนต์เป็นต้นกำลัง โดยใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง รถยกประเภทนี้สามารถ แบ่งออกตามชนิดเชื้อเพลิงที่ใช้เป็น 3 ประเภท คือ
- Diesel Engine ชนิดเครื่องยนต์ดีเซล
- Gasoline Engine ชนิดเครื่องยนต์แก๊สโซลีน
- LPG Engine ชนิดเครื่องยนต์แก๊ส LPG
- Battery Forklift รถยกไฟฟ้าใช้มอเตอร์เป็นต้นกำลังในการขับเคลื่อน โดยได้รับกระแสไฟมาจาก แบตเตอรี่ รถยกไฟฟ้าสามารถแบ่งตามลักษณะโครงสร้างภายนอกได้ 2 ประเภท คือ
- Counter Balancit แบบนั่งขับ
- Reach Truck แบบยืนขับ
รถยกประเภทนี้ ไม่ใช้เชื้อเพลิงในการขับเคลื่อน จึงช่วยประหยัดค่าน้ำมัน แต่ตัวรถมีราคาค่อนข้างสูง และ ต้องใช้เวลาในการชาร์ตแบตเตอรี่หลายชั่วโมง
ใครสามารถขับรถยกได้
รถยก หรือ ฟอร์คลิฟต์ ถือเป็นเครื่องจักรชนิดหนึ่งที่ผู้ขับต้องมีความรู้ ความชำนาญ จึงจะสามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัย ซึ่งผู้ที่สามารถขับรถยกได้ ต้องผ่านการฝึกอบรมเกี่ยวกับการใช้รถยกแต่ละประเภท ความปลอดภัยในการขับรถยก การตรวจสอบและบำรุงรักษารถยกโดยวิทยากรที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์การทำงานเกี่ยวกับรถยก ตามหลักสูตรที่อธิบดีประกาศกำหนด
การตรวจสอบรถยกประจำวันต้องตรวจอะไรบ้าง
การตรวจสอบรถยกประจำวันก่อนการใช้งาน เป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของผู้ใช้งาน จะต้องทำการตรวจสอบ ก่อนการใช้งานเป็นประจำทุกวัน เพื่อตรวจดูสภาพความพร้อมของรถยกก่อนนำมาใช้งานว่าอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานหรือไม่ หากพบปัญหาจะได้รีบแก้ไข โดยการตรวจสอบรถยกก่อนการใช้งาน สามารถแบ่งได้ดังนี้
-
ก่อนการสตาร์ทเครื่องยนต์
- ตรวจดูความสะอาดภายนอก
- ตรวจระดับน้ำในหม้อน้ำและหม้อพักน้ำ
- ตรวจระดับน้ำมันเครื่อง
- ตรวจระดับน้ำมันเชื้อเพลิง
- ตรวจระดับน้ำมันเกียร์อัตโนมัติ
- ตรวจระดับน้ำมันไฮโดรลิค
- ตรวจระดับน้ำมันเกียร์พวงมาลัย
- ตรวจระดับน้ำมันเบรค
- ตรวจระดับน้ำกลั่นแบตเตอรี่
- ตรวจความตึงของสายพานเครื่องยนต์
- ตรวจการทำงานของเบรคมือและขาเบรค
- ตรวจระบบสัญญาณไฟฟเลี้ยว ไฟถอยหลัง ไฟส่องสว่างและสัญญาณแตร
- ตรวจสภาพความตึงของโซ่ยกของ
- ตรวจสภาพยางรถ
- ตรวจวัดลมยางและเติมให้แรงดันตามที่กำหนดไว้
- ตรวจรอยรั่วซึมตามจุดต่างๆ
-
หลังการสตาร์ทเครื่องยนต์
- ตรวจเช็คว่ามีเสียงดังผิดปกติจากเครื่องยนต์หรือไม่
- ตรวจดูไฟหน้าปัดดับหมดหรือไม่
- ตรวจระยะฟรีของพวงมาลัยและการบังคับเลี้ยว
- ตรวจการทำงานของชุดควบคุมอุปกรณ์ยกงาว่าทำงานเรียบร้อยหรือไม่
การตรวจสอบหากมีการทำงาน 2 กะ ต้องทำการตรวจสอบทั้ง 2 กะ โดยผู้ใช้งานเป็นคนแรก หากใครใช้งานก่อนก็ต้องเป็นผู้ตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยในการใช้งานรถยก และเอกสารในการตรวจสอบหรือที่เราเรียกกันว่า check sheet ก็ต้องออกแบบให้เหมาะสมกับประเภทของรถยกที่ใช้งานด้วย เพราะรถยกที่ใช้เชื้อเพลิงแตกต่างกัน อาจมีข้อกำหนดที่แตกต่างกันด้วย
ข้อปฏิบัติในการทำงานกับรถยกอย่างปลอดภัย
การทำงานกับรถยกอย่างปลอดภัย นอกจากผู้ปฏิบัติงานต้องผ่านการฝึกอบรมแล้ว ยังมีข้อที่ต้องคำนึงถึงเมื่อมีการใช้งานรถยกเพื่อความปลอดภัย ดังนี้
- รถยกต้องมีโครงหลังคาที่มั่นคงแข็งแรง สามารถป้องกันอันตรายจากวัสดุตกใส่ได้ และรถยกต้องไม่ดัดแปลงหรือทำการใดๆ ที่ส่งผลต่อความปลอดภัยในการทำงานของรถยก
- รถยกต้องมีป้ายบอกพิกัดยกอย่างปลอดภัยติดไว้ที่ตัวรถ เพื่อให้สามารถดเห็นได้อย่างชัดเจน
- ต้องตรวจสอบรถยกก่อนการใช้งานทุกครั้ง
- รถยกที่ใช้งานต้องมีสัญญาณเสียงหรือแสงไฟเตือนให้เห็นได้อย่างชัดเจนในขณะที่มีการใช้งาน
- รถยกต้องมีอุปกรณ์ในการช่วยมอง เช่น กระจกมองข้าง
- ในจุดที่เป็นมุมอับหรือมองเห็นได้ยากต้องมีอุปกรณ์ในการช่วยมอง เช่น กระจกนูน
- ในขณะขับรถยก ผู้ขับขี่จะต้องคาดเข็มขัดนิรภัยตลอดเวลา
- หากเป็นรถยกที่ใช้ไฟฟ้า ต้องดูแลบริเวณที่มีการเติมประจุไฟฟ้าแบตเตอรี่สำหรับรถยกให้อยู่ห่างจากบริเวณที่ลูกจ้างทำงาน และจัดให้มีการระบายอากาศเพื่อลดการสะสมของไอกรดและไอระเหยของไฮโดรเจนจากการประจุไฟฟ้า
- ต้องกำหนดเส้นทางเดินรถให้ชัดเจนในบริเวณที่มีการใช้งานรถยกเป็นประจำ เพื่อเป็นการแยกรถยกกับคนออกจากกัน และเส้นทางเดินรถยกต้องมีความแข็งแรง สามารถรับน้ำหนักได้
- ต้องควบคุมดูแลไม่ให้ใช้รถยกใกล้สายไฟฟ้าหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีแรงดันไฟฟ้า
- ห้ามโดยสารไปกับรถยกโดยเด็ดขาด
เมื่อมีการกำหนดมาตรการในการทำงานกับรถยกอย่างปลอดภัย ต้องควบคุมดูแลให้ผู้ใช้งานปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่และผู้ที่อยู่ในพื้นที่ของรถยก
สรุป
ความปลอดภัยในการทำงานกับรถยกนอกจากรถยกต้องมีสภาพที่ปลอดภัยพร้อมใช้งาน ผู้ขับขี่ต้องผ่านการอบรมตามหลักสูตรที่กำหนด เพื่อให้สามารถใช้งานรถยกได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย และนอกจากสภาพรถยกที่ปลอดภัย ผู้ขับขี่ผ่านการอบรม ข้อกำหนดหรือมาตรการด้านความปลอดภัยก็สำคัญเช่นกัน โดยต้องควบคุมดูแลให้ผู้ปฏิบัติงานทำตามอย่างเคร่งครัด เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน