Home » Preventive Maintenance (PM) คืออะไร มีประโยชน์อย่างไร
1.1 Preventive Maintenance (PM) คืออะไร มีประโยชน์อย่างไร

Preventive Maintenance (PM) คืออะไร มีประโยชน์อย่างไร

2.2K views

ความสำคัญของการทำ Preventive Maintenance (PM) การบำรุงรักษาเชิงป้องกัน

การบำรุงรักษาเชิงป้องกัน หรือ Preventive Maintenance (PM) คือ การบำรุงรักษาที่ดำเนินการกับอุปกรณ์หรือเครื่องจักรเพื่อป้องกันความล้มเหลว หรือการทำงานผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นโดยสิ่งสำคัญของการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน คือ การทำซ้ำอย่างสม่ำเสมอและละเอียด เพื่อให้แน่ใจว่าอุปกรณ์ต่างๆ นั้นพร้อมทำงาน อีกทั้งยังช่วยยืดอายุของอุปกรณ์ต่างๆ ได้อีกด้วย

โดยในวันนี้เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับ Preventive Maintenance (PM) กันมากขึ้น เพื่อที่จะได้นำไปปรับใช้ และวางแผนการทำงานให้มีประสิทธิภาพในทุกๆ สถานการณ์ 

ประเภทของ การบำรุงรักษาเชิงป้องกัน

การบำรุงรักษาเชิงป้องกันมีสามประเภทหลัก : เวลา การใช้งาน และทริกเกอร์ตามเงื่อนไข การเปลี่ยนแปลงของการบำรุงรักษาเชิงป้องกันประเภทนี้ควรได้รับการกำหนดเวลาและดำเนินการในรายการอุปกรณ์ทั้งหมดเพื่อป้องกันความล้มเหลวที่ไม่ได้วางแผนไว้ ผู้ผลิตมักจะให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการดูแลรักษาอุปกรณ์ให้ดีที่สุด นอกเหนือจากข้อมูลเชิงลึกตามเวลาจริง ทีมบำรุงรักษาของคุณสามารถกำหนดการบำรุงรักษาเชิงป้องกันโดยใช้ประเภทการบำรุงรักษาเชิงป้องกันที่เหมาะสม ด้านล่างนี้คือตัวอย่างการบำรุงรักษาเชิงป้องกันแต่ละประเภท

การบำรุงรักษาเชิงป้องกันตามเวลา

วิธีการตามเวลากำหนดงานบำรุงรักษาเชิงป้องกันโดยใช้ช่วงเวลาที่กำหนด เช่น ทุก 10 วัน ตัวอย่างอื่นๆ รวมถึงการเรียกใช้งานการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน (เช่น การตรวจสอบอุปกรณ์ที่สำคัญเป็นประจำ) ในวันแรกของทุกเดือนหรือหนึ่งครั้งในระยะเวลาสามเดือน

การบำรุงรักษาเชิงป้องกันตามการใช้งาน

การบำรุงรักษาเชิงป้องกันตามการใช้งานจะทริกเกอร์การดำเนินการบำรุงรักษาเมื่อการใช้งานสินทรัพย์ถึงเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนด ซึ่งอาจรวมถึงหลังจากจำนวนกิโลเมตร ชั่วโมง หรือรอบการผลิตที่กำหนด ตัวอย่างของการกระตุ้นนี้คือการบำรุงรักษาตามกำหนดเวลาของยานยนต์ทุกๆ 10,000 กม.

การบำรุงรักษาเชิงป้องกันตามเงื่อนไข

การบำรุงรักษาตามสภาพเป็นรูปแบบหนึ่งของการบำรุงรักษาเชิงรุก เป็นกลยุทธ์การบำรุงรักษาที่ตรวจสอบสภาพจริงของสินทรัพย์เพื่อกำหนดว่างานบำรุงรักษาใดที่ต้องทำ การบำรุงรักษาตามเงื่อนไขกำหนดว่าการบำรุงรักษาควรทำเฉพาะเมื่อตัวบ่งชี้บางอย่างแสดงสัญญาณของประสิทธิภาพที่ลดลงหรือความล้มเหลวที่จะเกิดขึ้น ตัวอย่างเช่น การบำรุงรักษาเชิงป้องกันจะถูกกำหนดเมื่อการสั่นสะเทือนของส่วนประกอบบางอย่างถึงเกณฑ์ที่กำหนด ซึ่งบ่งชี้ว่าควรเปลี่ยนหรือหล่อลื่น

2.ประโยชน์ของการทำ Preventive Maintenance การบำรุงรักษาเชิงป้องกัน copy

ประโยชน์ของการทำ Preventive Maintenance การบำรุงรักษาเชิงป้องกัน

Preventive Maintenance คือ การบำรุงรักษาเชิงป้องกัน ที่ให้ความสำคัญกับการวางแผนบำรุงรักษาอุปกรณ์ต่างๆ ในการทำงาน เพื่อป้องกันปัญหาที่มีโอกาสเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งสิ่งนี้มีประโยชน์อย่างมากในภาคอุตสาหกรรมและเชิงธุรกิจ 

  • ประโยชน์หลักของการบำรุงรักษาเชิงป้องกันก็ คือ สามารถช่วยลดความจำเป็นในการซ่อมแซมหรือเปลี่ยนอุปกรณ์และเครื่องจักร ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงอย่างมาก ดังนั้นการตรวจสอบ การบำรุงรักษา และการซ่อมแซมอุปกรณ์อย่างสม่ำเสมอ จะทำให้สามารถระบุและแก้ไขปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้ก่อนที่จะกลายเป็นปัญหาร้ายแรง สิ่งนี้จะช่วยประหยัดต้นทุนในการทำธุรกิจของคุณได้เป้นอย่างดี 
  • นอกจากนี้ยังช่วยยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ในการทำงานโดยการรักษาให้อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ดีอยู่เสมอ การบำรุงรักษาเชิงป้องกันช่วยลดโอกาสการสึกหรอของอุปกรณ์ซึ่งอาจจะนำไปสู่การทำงานล้มเหลวก่อนเวลาอันควร แน่นอนว่าช่วยประหยัดต้นทุนของธุรกิจคุณได้ดีมากๆ เช่นเดียวกัน
  • ที่สำคัญเลย ก็คือ ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในสถานที่ทำงาน โดยสร้างความมั่นใจแก่พนักงานว่าอุปกรณ์ที่ใช้งานอยู่นั้นทำงานได้อย่างถูกต้อง ไร้ปัญหา และการบำรุงรักษาเชิงป้องกันยังทำให้คุณรู้ปัญหาที่มีโอกาสจะเกิดขึ้น และซ่อมแซมได้ทันท่วงที ทำให้ไม่เกิดอันตรายนั่นเอง

เทคนิคการฝึกอบรมความปลอดภัยเกี่ยวกับ Preventive Maintenance (PM)

  • อธิบายเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของ Preventive Maintenance (PM) ให้ชัดเจน อธิบายให้เข้าใจว่าจะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจและตัวพนักงานอย่างไร 
  • จัดให้มีการฝึกอบรมและสาธิตแบบลงมือปฏิบัติจริง เพื่อแสดงให้พนักงานเห็นถึงวิธีการตรวจสอบ และการบำรุงรักษาอุปกรณ์อย่างถูกต้อง 
  • สร้างสื่อการฝึกอบรมที่ชัดเจนและรัดกุม เช่น คู่มือ รายการตรวจสอบ วิดิโอให้คำแนะนำ เพื่อช่วยให้พนักงานเข้าใจและปฏิบัติตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง
  • กระตุ้นให้พนักงานถามคำถามและขอคำอธิบายเมื่อพวกเขาไม่เข้าใจ
  • ทบทวนและอัปเดตสื่อการฝึกอบรมและขั้นตอนการทำงานให้ทันสมัยและสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงหรือปรับปรุงแผนงานอยู่สม่ำเสมอ 
  • ให้การสนับสนุนและให้คำแนะนำอย่างต่อเนื่องแก่พนักงาน 
  • ดำเนินการตรวจสอบและประเมินผลเป็นประจำ เพื่อให้แน่ใจว่าพนักงานปฏิบัติตามขั้นตอนของ Preventive Maintenance (PM) เป็นอย่างดี 

3.สร้างตารางเวลาการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน copy

ขั้นตอนการทำ Preventive Maintenance (PM)

  1. พัฒนาแผนการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน 
  2. สร้างตารางเวลาการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน
  3. ฝึกอบรมพนักงานเกี่ยวกับขั้นตอนของการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน
  4. นำแผนการบำรุงรักษาเชิงป้องกันไปใช้งานจริง 
  5. ติดตาม ประเมินประสิทธิภาพและผลลัพธ์ของการใช้แผนงาน
  6. ทำการปรับปรุงและอัพเดทแผนงานตามความเหมาะสม

ความแตกต่างของการบำรุงรักษาเชิงป้องกันและเชิงรับ

การบำรุงรักษาเชิงรับและการบำรุงรักษาเชิงป้องกันเป็นวิธีการดำเนินการที่มีความคล้ายคลึงกันในด้านของการบำรุงรักษาอุปกรณ์และเครื่องจักร ซึ่งการบำรุงรักษาเชิงรับจะเน้นไปที่การซ่อมและบำรุงอุปกรณ์ก็ต่อเมื่ออุปกรณ์ทำงานล้มเหลว หรือทำงานไม่ถูกต้องเท่านั้น ไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวกับอุปกรณ์ที่ทำงานปกติ

ในทางตรงกันข้าม การบำรุงรักษาเชิงป้องกันนั้นเกี่ยวกับการตรวจสอบและบำรุงรักษาอุปกรณ์อย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น โดยไม่ได้คำนึงถึงว่าอุปกรณ์นั้นจะพังหรือไม่ แต่เน้นไปที่การตรวจสอบเพื่อมองหาปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นนั่นเอง

นอกจากนี้การบำรุงรักษาเชิงรับจะมีต้นทุนที่ค่อนข้างสูง เนื่องจากการซ่อมแซม หรือเปลี่ยนอุปกรณ์นั้นต้องอาศัยเครื่องมือและเวลาที่เยอะมากๆ ดังนั้น เราจึงควรวางแผนบำรุงรักษาเชิงป้องกันไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องไปซ่อมแซมทีหลังนั่นเอง

ข้อเสียของการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน

  • ข้อเสียของการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน คือ การบำรุงรักษาเชิงป้องกันต้องมีการวางแผนการบำรุงรักษา ซึ่งแตกต่างจากการบำรุงรักษาเชิงรับ และคุณเสี่ยงต่อการบำรุงรักษาเชิงป้องกันบ่อยเกินไป
  • การวางแผนการบำรุงรักษาเชิงป้องกันจำเป็นต้องลงทุนในเวลาและทรัพยากรที่ไม่จำเป็นสำหรับกลยุทธ์การบำรุงรักษาที่ซับซ้อนน้อยกว่า การบำรุงรักษาอาจเกิดขึ้นบ่อยเกินไปด้วยโปรแกรมการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน เว้นแต่และจนกว่าความถี่การบำรุงรักษาจะได้รับการปรับให้เหมาะสมสำหรับการบำรุงรักษาขั้นต่ำ
  • การบำรุงรักษาเชิงป้องกันที่มากเกินไปหรือน้อยเกินไปจะเกิดขึ้น

นอกจากนี้ ความถี่ของการบำรุงรักษาเชิงป้องกันอาจสูงเกินไป โชคดีที่สามารถลดความถี่ได้โดยไม่สูญเสียความน่าเชื่อถือเมื่อใช้การตรวจสอบสภาพและการวิเคราะห์ข้อมูล ความถี่ในการบำรุงรักษาที่ลดลงได้รับการชดเชยด้วยค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการตรวจสอบสภาพ

ควรใช้การบำรุงรักษาเชิงป้องกันเมื่อใด

เวลาที่แน่นอนเมื่อคุณควรใช้การบำรุงรักษาเชิงป้องกันจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับอุปกรณ์และการทำงานที่กำลังดำเนินการอยู่ คุณสามารถปฏิบัติตามแนวทางของผู้ผลิตเพื่อช่วยกำหนดตารางการบำรุงรักษาเชิงป้องกันและการตรวจสอบ เพื่อไม่ให้สินทรัพย์ทำงานจนล้มเหลว การสร้างตารางการบำรุงรักษาเชิงป้องกันจะช่วยให้มั่นใจได้ถึงการบำรุงรักษาเชิงรุก แทนที่จะหันไปใช้การบำรุงรักษาเชิงโต้ตอบที่มีค่าใช้จ่ายสูง หากอุปกรณ์เริ่มทำงานล้มเหลวโดยไม่คาดคิด

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

ข้อมูลที่มีประโยชน์ด้านการทำงานในอุตสาหกรรม สามารถหาข้อมูลได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย